ท้องผูกเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในคนทุกวัย ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว เครียด และรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก
- ถ่ายอุจจาระลำบาก ต้องเบ่งมาก หรือรู้สึกว่ามีสิ่งอุดกั้นในทวารหนัก หรือต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการขับถ่าย เช่น ยาระบาย ยาสวนทวาร นิ้วล้วง หรือกดรอบทวาร
- ถ่ายไม่สุด รู้สึกเหมือนยังเหลืออุจจาระในลำไส้
- อุจจาระแข็ง
- ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ (หากไม่ใช้วิธีช่วย)
ถ้ามีอาการเหล่านี้ แนะนำให้เริ่มดูแลอย่างจริงจัง เพราะการปล่อยให้ท้องผูกอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ริดสีดวง หรือแผลที่ทวารหนัก
อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น:
- ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวด, ยาลดความดัน, ยาต้านเศร้า, ยาแก้แพ้ (Antihistamines), วิตามินบางชนิด เช่น แคลเซียม
- โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน, พาร์กินสัน
- ความเครียด หรือปัญหาทางจิตใจ
- พฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต เช่น ดื่มน้ำน้อย, ทานอาหารที่มีกากใยน้อย, ขาดการออกกำลังกาย
1. ปรับพฤติกรรมก่อนใช้ยา
- ทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี (ควรได้รับอย่างน้อย 25 กรัมต่อวัน)
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ตลอดทั้งวัน
- ทานนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบลำไส้
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะแอโรบิค เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ
- ปรับท่านั่งขณะขับถ่าย ให้ง่ายต่อการเบ่ง เช่น ใช้เก้าอี้วางเท้าให้เข่าสูงขึ้น
2. การใช้ “ยาระบาย” อย่างเหมาะสม
หากปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจต้องใช้ ยาระบายสำหรับท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร โดยมียาหลัก ๆ ที่สามารถใช้ได้ดังนี้:
- ยาระบายแลคตูโลส (Lactulose) เป็นยาระบายที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการเพิ่มจำนวนครั้งการถ่ายอุจจาระและทำให้อุจจาระมีความนุ่มขึ้นในผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรัง ถึงแม้ยาระบายแลคตูโลสจะมีรสหวานแต่ร่างกายของเราไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ยาระบายแลคตูโลสยังสามารถใช้ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะท้องผูกได้อีกด้วย
- ยาระบาย Polyethylene glycol (PEG) เป็นยาที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่และไม่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและทําให้อุจจาระอ่อนนุ่มขึ้น มีประสิทธิภาพดีในการรักษาท้องผูกเรื้อรังและมีความปลอดภัย ใช้ได้ในเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร
- ยา Saline laxatives เช่น Magnesium Hydroxide หรือ Milk of Magnesia มีประสิทธิภาพในการเพิ่มจํานวนครั้งการถ่ายอุจจาระและทําให้อุจจาระมีความนุ่มขึ้นในผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรัง โดยควรใช้อย่างระมัดระวังในผู้ที่มีการทํางานของไตบกพร่อง
- ยามะขามแขก (Senna): ตัวยามักไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดแต่จะออกฤทธิ์ที่ลําไส้ใหญ่เป็นหลัก มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสําหรับการรักษาท้องผูกเรื้อรัง แต่อาจมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ในระยะยาว
- ยา Bisacodyl: ยาจะออกฤทธิกระตุ้นทั้งการคัดหลั่งและการบีบตัวของลําไส้ใหญ่ มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสําหรับการรักษาภาวะท้องผูกเรื้อรัง แต่ควรระมัดระวังการใช้ยาในระยะยาว
> กลุ่มยาระบายเพิ่มปริมาณอุจจาระ (bulk-forming agents): ออกฤทธิ์เหมือนการรับประทานใยอาหาร โดยช่วยอุ้มนํ้าไว้ในโพรงลําไส้ ช่วยเพิ่มมวลอุจจาระและทําให้อุจาระนุ่มขึ้น เช่น psyllium husk, methylcellulose
> กลุ่มยาระบายแบบสารหล่อลื่น (Lubricants): ออกฤทธิโดยลดแรงตึงผิวของอุจจาระ ทําให้นํ้าและไขมันซึมผ่านเข้ามาได้ ส่งผลให้อุจจาระนุ่มขึ้น เช่น docusate sodium, mineral oil
คำแนะนำ: หากต้องใช้ยาระบายบ่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม
อ้างอิงจาก สมาคมประสาททางเดินอาหารและการเคลื่อนไหว(ไทย). แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรังในประเทศไทย พศ 2564
THL2356069 EXP: 25-SEP-2027